ผัสสะ คือ การเชื่อมต่อความรู้กับโลกภายนอก การรับรู้อารมณ์หรือประสบการณ์ต่างๆ เช่น
๐ จักขุผัสสะ - สัมผัสทางตา
๐ โสตผัสสะ - สัมผัสทางเสียง
๐ ฆานผัสสะ - สัมผัสทางจมูก
๐ ชิวหาผัสสะ - สัมผัสทางลิ้น
๐ กายผัสสะ - สัมผัสทางกาย
๐ มโนผัสสะ - สัมผัสทางกาย
เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา
หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา
วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2553
สฬายตนะในปฏิจจสมุปบาท
สฬายตนะ คือ สิ่งที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อกันทางวิถีประสาทด้วยอายตนะทั้ง ๖ มี
๐ ตา - จักขายตนะ
๐ หู - โสตายตนะ
๐ จมูก - ฆานายตนะ
๐ ลิ้น - ชิวหายตนะ
๐ กาย - กายายตนะ
๐ ใจ - มนายตนะ
เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ
๐ ตา - จักขายตนะ
๐ หู - โสตายตนะ
๐ จมูก - ฆานายตนะ
๐ ลิ้น - ชิวหายตนะ
๐ กาย - กายายตนะ
๐ ใจ - มนายตนะ
เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ
นามรูปในปฏิจจสมุปบาท
นามรูป คือ ความมีอยู่ของรูปธรรมและนามธรรมในความรับรู้ของบุคคล ภาวะที่ร่า่งกายและจิตใจทุกส่วนอยู่ในสภาพที่สอดคล้องและปฏิบัติหน้าที่เพื่อตอบสนองในแนวทางของวิญญาณที่เกิดขึ้นนั้น ส่วนต่างๆของร่างกายและจิตใจที่เจริญหรือเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพจิต
เพราะนามรูปเิกิด จึงเป็นปัจจัยให้มีสฬายตนะ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
เพราะนามรูปเิกิด จึงเป็นปัจจัยให้มีสฬายตนะ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553
วิญญาณในปฏิจจสมุปบาท
วิญญาณ คือ การรับรู้ในอารมณ์ที่มากระทบในทวารทั้ง ๖ คือ มองเห็น ได้ยินเสียง ได้กลิ่น รู้รส รู้สัมผัสกาย รู้ต่ออารมณ์ที่มีในใจ ตลอดจนสภาพพื้นเพของจิตใจขณะนั้น
๐ ทางตา - จักขุวิญญาณ
๐ ทางเสียง - โสตวิญญาณ
๐ ทางจมูก - ฆานวิญญาณ
๐ ทางลิ้น - ชิวหาวิญญาณ
๐ ทางกาย - กายวิญญาณ
๐ ทางใจ - มโนวิญญาณ
เพราะวิญญาณเป็นปัจจัยจึงมีนามรูป
๐ ทางตา - จักขุวิญญาณ
๐ ทางเสียง - โสตวิญญาณ
๐ ทางจมูก - ฆานวิญญาณ
๐ ทางลิ้น - ชิวหาวิญญาณ
๐ ทางกาย - กายวิญญาณ
๐ ทางใจ - มโนวิญญาณ
เพราะวิญญาณเป็นปัจจัยจึงมีนามรูป
วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553
สังขารในปฏิจจสมุปบาท
สังขาร คือ การปรุงแต่งของจิตให้เกิดหน้าที่
๐ ทางกาย เรียกกายสังขาร ได้แก่ ธรรมชาติที่ปรุงแต่งร่างกายให้เกิดลมหายใจเข้าออก
๐ ทางวาจา เรียกวจีสังขาร ได้แก่ ธรรมชาติท่ปรุงแต่งให้เกิดวิตกวิจาร
๐ ทางใจ เรียกจิตสังขาร ได้แก่ ธรรมชาติที่ปรุงแต่งจิตให้เกิดสัญญา เวทนา สุข ทุกข์ทางใจ
เพราะการปรุงแต่งของจิตหรือสังขารเป็นปัจจัย จึงเกิดมีวิญญาณ
๐ ทางกาย เรียกกายสังขาร ได้แก่ ธรรมชาติที่ปรุงแต่งร่างกายให้เกิดลมหายใจเข้าออก
๐ ทางวาจา เรียกวจีสังขาร ได้แก่ ธรรมชาติท่ปรุงแต่งให้เกิดวิตกวิจาร
๐ ทางใจ เรียกจิตสังขาร ได้แก่ ธรรมชาติที่ปรุงแต่งจิตให้เกิดสัญญา เวทนา สุข ทุกข์ทางใจ
เพราะการปรุงแต่งของจิตหรือสังขารเป็นปัจจัย จึงเกิดมีวิญญาณ
อวิชชาในปฏิจจสมุปบาท
อวิชชา คือ ความไม่รู้ตามความเป็นจริงในความทุกข์ของจิต ไม่รู้เท่าทันตามสภาวะ ความหลงไปตามสมมุติบัญญัติ ความไม่เข้าใจโลกและชีวิตที่เป็นจริง ความไม่รู้ที่แฝงอยู่กับความเชื่อถือต่างๆภาวะขาดปัญญา ความไม่หยั่งรู้เหตุปัจจัย การไม่ใช้ปัญญาหรือปัญญาไม่ทำงานในขณะนั้น
เพราะความไม่รู้หรืออวิชชาเป็นปัจจัย จึงเกิดมีสังขาร
เพราะความไม่รู้หรืออวิชชาเป็นปัจจัย จึงเกิดมีสังขาร
วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2553
องค์ประกอบของปฏิจจสมุปบาท
องค์ประกอบของปฏิจจสมุปบาทนั้น นับตั้งแต่อวิชชา ถึง ชรามรณะเท่านั้น คือ ๑.อวิชชา > ๒.สังขาร > ๓.วิญญาณ > ๔.นามรูป> ๕.สฬาตนะ > ๖.ผัสสะ > ๗.เวทนา > ๘.ตัณหา > ๙.อุปาทาน > ๑0.ภพ > ๑๑.ชาติ > ๑๒.ชรามรณะ ส่วนโสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส (ความคับแค้นใจ) เป็นเพียงตัวพลอยผสม เกิดแก่ผู้มีอาสวกิเลสเมื่อมีชรามรณะแล้ว เป็นตัวกสนหมักหมม อาสวะซึ่งเป็นปัจจัยให้เกิดอวิชชาหมุนวงจรต่อไปอีก
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)